หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

กองทุนส่วนบุคคลคืออะไร

กองทุนส่วนบุคคลคืออะไร 

บลจ. กสิกรไทย จำกัด  ผู้นำด้านธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล โดย ณ วันที่
31 ธันวาคม 2553  บริษัทครองส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 22.92 มีทรัพย์สินกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การจัดการ มูลค่า   63,527.08 ล้านบาท
บริษัท ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจาก หน่วยงานภาครัฐ และ หน่วยงานภาคเอกชน รวมถึงบุคคลธรรมดา ให้ทำหน้าที่บริหารสินทรัพย์และจัดการกองทุนส่วนบุคคล
 

วัตถุประสงค์

การ ลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล คือ การที่บริษัทจัดการบริหารเงินลงทุนของลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือคณะ บุคคลและนิติบุคคล โดยลูกค้าสามารถมี ส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการลงทุน ตามวัตถุประสงค์ และข้อจำกัดของลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ลูกค้า ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ประเภทนักลงทุน
ประเภทของลูกค้าที่สามารถใช้บริการกองทุนส่วนบุคคล มีดังนี้

บุคคลธรรมดาหรือคณะบุคคล
ซึ่ง ในการรับจัดการกองทุนส่วนบุคคลประเภทคณะบุคคลนั้น ต้องประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่สองรายขึ้นไป แต่ไม่เกิน 35 ราย สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาสามารถเปิดบัญชีเดียว หรือ บัญชีร่วมก็ได้ (กรณีบัญชีร่วมโปรดสอบถามราบละเอียดที่บริษัทจัดการ)

นิติบุคคล
บริษัทจำกัด บริษัทประกัน รวมถึง องค์กรบางแห่ง เช่น มูลนิธิ สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สหกรณ์ เป็นต้น



ข้อได้เปรียบของกองทุนส่วนบุคคล

  1. มีความคล่องตัวสูง เนื่องจากลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้
  2. เงินลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้มากกว่าการลงทุนโดยตรง
  3. บริษัทจัดการจะหาโอกาสการลงทุนในตราสารใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนสูงอยู่เสมอ
  4. มีอำนาจต่อรองที่มากขึ้นจากการบริหารเงินกองทุนรวมกัน
  5. บริหารโดยมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์
  6. ลดภาระการติดต่อสถาบันการเงิน การติดตามข่าวสาร และ การบริหารเงินด้วยตนเอง

K-Cyber Invest คืออะไร และสามารถใช้บริการได้อย่างไร

K-Cyber Invest คืออะไร  และสามารถใช้บริการได้อย่างไร

K-Cyber Invest คืออะไร
K-Cyber Invest คือ บริการด้านการลงทุนจาก บลจ.กสิกรไทย ความสะดวกสบายอีกก้าวหนึ่งของการลงทุน ด้วยระบบการทำรายการผ่านอินเทอร์เน็ต พร้อมมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ได้มาตรฐานระดับ สากล

รายการที่สามารถทำได้ผ่านบริการ K-Cyber Invest - ตรวจสอบสถานะการลงทุน โดยแสดงข้อมูลทั้งในส่วนของผลกำไร/ขาดทุน และต้นทุนเฉลี่ย
- ซื้อหน่วยลงทุน  โดยสามารถเลือกชำระแบบหักบัญชีเงินฝาก และบัตรเครดิตได้
- ขายหน่วยลงทุน
- สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน
- บริการวางแผนการลงทุนล่วงหน้า
- แก้ไขข้อมูลทางทะเบียน รวมถึงการขอหนังสือรับรองต่างๆ
- ตั้งเป้าหมายการลงทุนและแจ้งเตือนเมื่อถึงเป้าหมาย
- เปิดกองทุนใหม่ สามารถที่จะเปิดกองทุนใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อมาก่อน พร้อมกันกับทำรายการซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้ากองทุนใหม่ได้ในวันเดียวกัน และสามารถเลือกรับสมุดบัญชีกองทุนที่สาขาธนาคาร หรือ บลจ.กสิกรไทยได้
- แจ้งวันครบอายุกองทุน

วิธีการสมัครใช้บริการ
สามารถสมัครใช้บริการได้ 2 วิธี คือ 
1. สมัครผ่านการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มทางอินเตอร์เน็ต 
2. ติดต่อขอรับเอกสารการสมัครที่สาขาธนาคารกสิกรไทย ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืน หรือ บลจ.กสิกรไทย

ถวายพระพร

1. ข้าเจ้าเหล่าประชา              น้อมวันทาทรงอวยพร
2. พสกและนิกร                     น้อมอวยพรกษัตรา
3. ชาวไทยเจริญมา                ใต้บาทายุคลบาท
4. อำนาจราชธรรม                 นำประชาให้ร่มเย็น
5. เป็นกษัตริย์องค์ที่เก้า          นับจากเจ้าองค์จุฬา
6. ต้นมาของโกสินทร์             ราชธานินทร์คือกรุงเทพ
7. เทพเจ้าเหล่ากษัตริย์           รัฐธรรมนูญเป็นของไทย
8. พวกเราจงตั้งใจ                  รักษาไว้นิรันดร
9. วันนี้ได้มาครบ                    ราชสมพบบรรจบมา
10. กษัตราองค์ที่เก้า               องค์เป็นเจ้าปัจจุปัน
11. องค์ท่านราชินี                   กษัตรีกษัตรา
12. สุนิสาอัยยิกา                    ทวยราชฏร์ข้าขออวยพร
13. พสกนิกร                          ถวายพระพรองค์เทวา
14. ปกเกล้าเหล่าประชา         เจริญมาตลอดกาล
15. หมู่มารอริราช                 ไม่สามารถอุบัติมา
16. เดชาคุณพระกษัตริย์        กำจัดภัยพินาศไป
17. ให้จริงยั่งยืนยง                ขอจงทรงพระเจริญ
18. ทีฆา ยุโก โหตุ มหาราชา

พระเวสสันดรลาพ่อแม่เข้าป่า

1. เมื่อนั้นเวสสันดร ทั้งบังอรแม่มัทรี    ทั้งกันหาชาลี     กราบทูลสั่งลา
2. ยกหัตถาขึ้นเหนือเศรียร                   ทั้งธูปเทียนดวงมาลา
3. ถวายพระยาพ่อสัญชัย                      ทั้งแม่แก้วผุสดี เพราะว่ากรรมเวรมี จึงขอลาจากไป
4. โอ้ไกลแสนไกล                               ขอลาไปจากนคร
5. เดินสัญจรตามภูผา                          ในมรรคาไปแรมไพร
6. เมื่อนั้นพ่อสัญชัย                             อุกหัวใจลูกสั่งลา มีวาจาออกแล้วกลับปลิ้นเปลี่ยนบ่เป็น
7. อันนี้กรรมเวรเจ้า    คราวหลังนำจ่อง    จึงได้พลัดพรากห้อง    หอแก้วราชวัง
8. ให้เจ้าไปดีถ่อน กษัตราทั้งสี่ กรรมได้มาฮอดแล้ว สิรังราวอยู่บ่เป็น
9. โอกรรมใดข่ากษัตราทั้งสี่    เคยล่วงล้ำพระองค์เจ้าโปรดอภัย
10. ลูกจักไปตามใช้      เวรกรรมให้เหินห่าง
11. ขอให้ยืนอยู่สร้าง    เมืองกว้างข่วงนคร ๆ ฯ.

พร 10 ประการ

1. พระพรชัยที่นางขอ                                 มีสิบข้อนางต้องการ
2. พรที่หนึ่งขอประทานให้กำเนิด                 ได้ไปเกิดในตระกูล
3. เป็นลูกบุญของพระบาท                           สีวิราชกรุงสีพี
4. พรที่สองขอให้เนตานั้นดำดี                      เหมือนมฤคศีตาลูกเนื้อทราย
5. พรที่สามภะมูคิ้ว                                      อย่าโยกย้ายให้กลมงาม
6. พรที่สี่ให้ขึ้นชื่อลือนาม                             ผุสดีอยู่ตามเดิม
7. พรที่ห้านั้นขอเพิ่ม                                    ขอให้ลูกเกิดเป็นชาย
8. รู้ระเบียบกฎหมาย                                    และศีลธรรมอันเรียบร้อย
9. พรที่หกทารกน้อยอยู่ในครรภ์                    นาถทีนั้นอย่านูนขึ้นเกินกัน
10. พรที่เจ็ดถันทั้งสอง                                 เหมือนจูมฆ้องอย่าหย่อนยาน
11. พรที่แปดเกิดไปนานเกศานั้นอย่าขาว        ราวกับว่าดอกเกษกรรณิกา
12. พรที่เก้ารูปร่างทั้งกายา                            อ่อนโสภาดุจสำลี
13. พรที่สิบปัญญาดีทั้งคมคาย                       มีอุบายปล่อยนักโทษ
14. ละโกรธและโมหะ                                    อวิชชาด้วยปัญญา
15. นี้แน่ภัสสะดา                                           ประทานมาทศพร
16. หม่อมฉันประนมกร                                   ประทานพรอย่านาน เทอญ ฯ.

พระอินทร์ประพร

1. เมื่อนั้นอัมรินทร์                 องค์อินทราได้สดับ
2. ในอรรถะพระพรชัย           ทั้งสิบนัยที่นางขอ
3. เนื้อหนอองค์เทวา              ทรงโศกาในพระทัย
4. บ่นพิไรไปตามนาง             จะเหินห่างไปแดนไกล
5. แต่ไหนแต่ไรมา                 ร่วมไสยาในวิมาน
6. ทุกทิพาราตรีกาล              ย่อมชื่นบานอยู่ด้วยกัน
7. บนสวรรค์อันโอฬาน           หมู่เทวานั้นเสพงัน
8. แต่นี้ไม่นานวัน                    จะจากกันไปไกลไกล
9. สุดที่จะอ้อนวอน                ให้นางจรไปตามกรรม
10. ว่าแล้วจึงย่อกร                ผุสดีขึ้นพิราม
11. ชลนัยนั้นไหลอาบ            พระพักตราน่าสงสาร
12. มัฆวาลอัมรินทร์              องค์อินทราจึงตรัสว่า
13. เยเตตสะวะรา                 แม่สมตาดวงสวาดิ์
14. จงสมปราถน์ในพรชัย      สิ่งอันใดนางต้องการ
15. เยาวมาลย์ผุสดี               จงมีชัยไปบังเกิด
16. จงประเสริฐความตั้งใจ     ให้นางได้หมู่ม้ารถ
17. คชสารสังวาลทรง            จงเกิดมีทุกวี่วัน

ผุสดีขอพร

1. พวกดิฉันจะได้ร้อง                         สารภัญญ์สมภารไทย
2. จะได้ร้องเวสสันดร                         เป็นคำกลอนให้ท่านฟัง
3. ตามอาจารย์ท่านสั่งสอน                ทศพรเป็นกันต้น
4. กล่าวถึงตอนผุสดี                         ครั้งจุติจากสวรรค์
5. มาบังเกิดในเมืองคน                    ในกมลนั้นแสนเศร้า
6. ตนพระนางจึงอ้อนวอน                 ขอเอาพรจากพระอินทร์
7. อ้อนวอนต่อสามี                           ข้าแต่นายจงสงสาร
8. อันหม่อมฉันจะต้องตาย                จากสวรรค์ไปบังเกิด
9. ก็เหลือคิดเหลืออ้อนวอน               สอนลอนลอนจากสวรรค์
10. หม่อมฉันจะขอพร                       สักสิบข้อพระเนื้อหน่อ
11. หรือขัดข้องประการใด                 นราไท้จงอิดู
12. ประทานพรให้แก่ฉัน                    จากสวรรค์อย่านานเทอญ ฯ.

ทานัง

1. ทานังการให้ทาน            ย่อมสมานมิตรไมตรี
2. ผู้ให้และผู้รับ                   ย่อมสนับเกื้อกูลกัน
3. สวรรค์พระนิพพาน         การให้ทานเป็นบันได
4. ยากไร้อนาถา                ในชาติหน้าหาไม่มี
5. สีลมัยรักษาศีล               สำรวมสิ้นในอินทรีย์
6. รักษาดีในสิกขา             กายวาจาไม่เบียดเบียน
7. ภาวนาควรเล่าเรียน       อุตสาห์เพียรกัมฐาน
8. เจริญกัมมัฏฐาน             บำเพ็ญญาณซำรอกตน
9. ให้พ้นจากกิเลส              สมุจเฉททะปาทาน
10. ทานังเป็นสะพาน         ศีลมัยเป็นรั้วล้อม
11. ภาวนาเจริญพร้อม      ย่อมอุ้ชูผู้กระทำ
12. ให้ถึงเมืองสวรรค์        พระนิพพานท่านนี้เอย ฯ.

กลอนไหว้ครู

1. นะโมน้อมนมัสการ             จิตชื่นบานต่อภควา
2. เลิศล้ำในโลกา                   พระสัตถาผู้ครูสอน
3. ข้าขอประนมน้อม                ศิระเกล้าบังคมคุณ
4. สัมพุทธะการุณ                   ญะภาพนั้นนิรันดร
5. น้อมเคียรลงกราบทูล         ธรรมคุณที่บวร
6. พระธรรมที่ทรงสอน            ประนมกรทุกประการ
7. ข้าไหว้หมู่พระสงฆ์              อริยวงค์ผู้ชำนาญ
8. พระสงฆ์ที่เชี่ยวชาญ           นมัสการทุกองค์ไป
9. พระพุทธพระธรรม สงฆ์     สันติวงค์ศรีวิไล
10. ประชุมที่ดวงใจ                 ระรึกไว้ทุกเวลา
11. ปวงข้าจักแสดง                แถลงกลอนสารภัญญ์
12. อินทรีวิเชียรฉันท์              อย่าขีดกลั้นอันตราย
13. อุปสรรคที่ให้ร้าย              สิ่งจัญไรอย่าแผ้วพาล
14. ปัญญาให้เชี่ยวชาญ          คุณอาจารย์ที่สอนสั่ง
15. ว่ากลอนอย่าให้หลง         มาดำรงในปัญญา
16. นิมนต์พระพุทธา               พระสัตถามาดำรง
17. ข้าไหว้ทุกพระองค์           จงเสด็จอย่านามเทอญ ฯ

กลอนบูชาดอกไม้

1. เตรียมตัวพวกเราเอย ๆ     เตรียมตัวเอยนั่งกระหย่ง
2. พวกเราท่านทั้งหลาย ๆ      หญิงและชายประนมมือ
3. ประนมมือทั้งสิบนิ้ว ๆ         ยกใส่คิ้วที่เหนือตา
4. ลดลงมาไว้หน้าอก ๆ          ยกใส่เศียรแล้วกราบลง
5. กราบลงครั้งที่หนึ่ง ๆ          ระลึกถึงคุณพระพุทธ
6. กราบลงครั้งที่สอง ๆ           ระลึกถึงคุณพระธรรม
7. กราบลงครั้งที่สาม ๆ          ระลึกถึงคุณพระสงฆ์
8. จงปรงเป็นทำนอง ๆ            มือประคองไว้ดังเดิม
9. แต่นี้เริ่มบุชา ๆ                   ดวงมาลาพุทธคุณ
10. ขอจงเกิดเป็นผลบุญ ๆ      แก่พวกข้าที่ทำมา
11. มาลาดวงดอกไม้ ๆ           มาตั้งไว้เพื่อบูชา
12. ขอบูชาแด่พระพุทธ ๆ       ผู้ได้ตรัสรู้มา
13. มาลาดวงดอกไม้ ๆ           มาตั้งไว้เพื่อบูชา
14. ขอบูชาแด่พระธรรม ๆ      ที่ชักนำความสุขมา
15. มาลาดวงดอกไม้ ๆ           มาตั้งไว้เพื่อบูชา
16. ขอบูชาแด่พระสงฆ์ ๆ        ผู้ดำรงพระวินัย
17. มาลาดวงดอกไม้ ๆ           มาตั้งไว้เพื่อบูชา
18. ขอบูชาแด่พระพุทธ ๆ        และพระธรรมพระสงฆ์พร้อม
19. ด้วยใจอันนอบน้อม ๆ        พร้อมทั้งครูผู้มีคุณ
20. ขอบุญอันส่วนนี้ ๆ              จงเกิดมีแก่ข้า เทอญ.

กราบไหว้คุณบิดาคุณมารดา

1. ข้าขอกราบไหว้คุณ                บิดาคุณทั้งมารดา
2. เลี้ยงดูเฝ้ารักษา                    ทนทุกข์มาแต่ในครรภ์
3. อุ้มท้องประครองครรภ์         ทุกข์มะหันต์ก็ทนมา
4. คลอดแล้วนอนไฟหนา             ทนทุกข์ขาต่อลูกตน
5. ให้นมให้ข้าวป้อน                  ช่วยถนอมทุกสิ่งสรรค์
6. ลูกที่จะแทนคุณ                     ควรอุดหนุนพ่อแม่ตน
7. พ่อแม่ท่านกังวล                    ด้วยลูกตนทุกเวลา
8. กตัญญูรู้จักคุณ                     จงแทนคุณมารดาเรา
9. บิดาคุณมากนัก                    เปรียบน้ำหนักเท่าแผ่นดิน
10. ส่วนคุณมารดาเรา              ท้องฟ้าเท่าเปรียบไม่เห็น
11. ขอข้าประนบน้อม                เคารพพร้อมและยำเกรง
12. กราบไหว้ด้วยความเกรง    เคารพเอาด้วยศรัทธา
13. จงไหว้คุณบิดา                    คุณมารดาของเราเทอญ ฯ.

เครดิตเวบวัดโพนข่า
http://watphonkha.org/index.php/component/content/article/7-sarapan/20-2011-11-30-13-45-44 

กราบไหว้พระคุณบิดามารดา


     ข้าฯขอกราบไหว้คุณ          พระบิดาและมารดา
เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา...               แต่คลอดมาจึงเป็นคน
    
แสนยากลำบากกาย        ไม่คิดยากลำบากตน
ในใจให้กังวล.... .                 อยู่ด้วยลูกทุกเวลา
    
ยามกินถ้าลูกร้อง          ก็ต้องวางวิ่งมาหา
ยามนอนไม่เต็มตา.....             พอลูกร้องก็ต้องดู
    
ตัวเรือดยุงไรมด          จะกวนกัดรีบอุ้มชู
อดกินอดนอนสู้......               ทนลำยากหนักไม่เบา
    
คุณพ่อแม่มากนัก         เปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
แผ่นดินทั้งหมดเอา......         เปรียบคุณท่านไม่เท่าทัน
    
เหลือที่จะแทนคุณ          ของท่านนั้นใหญ่อนันต์
เว้นไว้แต่เรือนธรรม์......         เอามาสอนพอผ่อนบุญ
    
สอนธรรมที่จริงใจ          รูปไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
แล้วจึงแสดงคุณ.....           ให้เห็นจริงตามทำนอง
    
นั่นแหล่ะจึงนับได้          ว่าสนองซึ่งคุณนา
แทนข้าวที่ป้อนมา....           และน้ำนมที่ดื่มกิน
    
แทนคุณประการอื่น       ร้อยพันหมื่นเป็นอาจิณ
อย่างใดก็ไม่สิ้น.....             พระคุณนั้นอนันต์เอย....

พ่อแก่แม่เฒ่า

        พ่อแม่ก็แก่เฒ่า              จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
        จะพบจะพ้องพาน....              เพียงเสี้ยววานของคืนวัน
        ใจจริงไม่อยากจาก           เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน
        แต่ชีพมิทนทาน  ....              ย่อมร้าวรานสลายไป
        ขอเถิดให้สงสาร             อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
        คนแก่ชะแรวัย....                คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
        ไม่รักก็ไม่ว่า                 เพียงเมตตาช่วยอาทร
        ให้กินและให้นอน.....             คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ     
        เมื้อยามเจ้าโกรธขึ้ง          ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย
        ร้องไห้ยามป่วยไข้.....            ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
        เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่          แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน
        หวังเพียงจะได้ยล.....            เติบโตจนสง่างาม
        ขอโทษถ้าทำผิด              ขอให้คิดทุกทุกยาม
        ใจแท้มีแต่ความ.....               หวังติดตามช่วยอวยชัย
        ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง                มีหรือหวังอยู่นานได้
        วันหนึ่งคงล้มไป......               ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง.......ๆ
ทำนองสรภัญญะ โดย พระมหาไพบูลย์ ญาณวิปุโล วัดราชผาติการาม กทมฯ

มาลาดวงดอกไม้

                              มาลาดวงดอกไม้
มาลาดวงดอกไม้            มาตั้งไว้เพื่อบูชา
ขอบูชาคุณพระพุทธ        ผู้ได้ตรัสรู้มา
มาลาดวงดอกไม้             มาตั้งไว้เพื่อบูชา
ขอบูชาคุณพระธรรม        ผู้ได้นำบำเพ็ญมา
มาลาดวงดอกไม้             มาตั้งไว้เพื่อบูชา
ขอบูชาคุณพระสงฆ์         ผู้ดำรงค์พระวินัย
มาลาดวงดอกไม้             มาตั้งไว้เพื่อบูชา
ขอบูชาคุณพระพุทธ        และพระธรรมพระสงฆ์พร้อม
ประนมมือไว้ซอนลอน     ประนมกรอยู่ทุกคน
ขอให้มีความสุข              ทุกทิวาราตรีเทอญ......
เครดิต พระมหาไพบูลย์ ญาณวิปุโล  วัดราชผาติการาม กทมฯ

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

จุดเล็ก ๆ ที่สำคัญ
......ครอบครัว ถึงแม้จะเป็นส่วนประกอบเล็ก ๆ ในสังคม แต่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด สังคมจะน่าอยู่หรือไม่น่าอยู่ จะพัฒนาหรือด้อยพัฒนา จะสงบหรือว่าวุ่นวาย จะแตกแยกหรือว่าสามัคคี ฯลฯ แม้จะมีเหตุปัจจัยมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ถ้าสังคมใดหรือประเทศใดมีครอบครัวที่ดี คือมีความรักความอบอุ่น อยู่ดีกินดี มีการศึกษาเรียนรู้ที่ดี สังคมนั้นประเทศย่อมเจริญรุ่งเรืองและน่าอยู่ ปัญหา ๆต่างย่อมลดน้อยถอยลงตามลำดับ
......พ่อ แม่ ถือว่าเป็นบล็อกหรือว่าเป็นต้นแบบ แม่พิมพ์แรกที่มีอิทธิพลต่อลูก ๆ บางครั้งไม่ต้องพูดอะไรทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี ลูก ๆ ก็สามารถรับรู้และซึมซับได้ แต่ก็มีหลายครอบครัวในสังคมที่เราเห็นกันอยู่ พ่อ สอนลูกว่า ลูกอย่าสูบหรี่อย่าดื่มเหล้านะแต่พ่อก็ทำให้ลูกเห็น แม่ สอนลูกว่า อย่าพูดคำหยาบนะ ลูกอย่าเล่นการพนันนะมันไม่ดีแต่แม่ก็ยังทำให้ลูกดู เมื่อเป็นอย่างนี้เวลามีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นในสังคมพ่อแม่เป็นคนแรกที่จะต้องร่วมกันรับผิดชอบ
.....ลูก ๆ เป็นเหมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่พ่อแม่จะต้องคอ
ยแต่งแต้ม เพิ่มเติมสนับสนุนสิ่งที่ดี ๆ ลงไปในผ้าขาวผืนนั้นที่เรียกว่าลูก ลูก ๆ เป็นเหมือนเดินเหนียวที่อ่อนนุ่มเต็ม เปลี่ยมไปด้วยคุณค่า ที่พ่อแม่จะต้องคอยอบ คอยรม คอยปั้นตบแต่งอย่างสร้างสรรค์ ลูก ๆ เป็นเหมือนปูนซีเมนต์ ที่ต้องต้องการบล๊อกหรือแบบ ซึ่งพ่อแม่จะต้องเป็นบล๊อกหรือแบบที่ดีให้
......ดังนั้น เมื่อเราท่านทั้งหลายรู้ว่า ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้รู้ ผู้เกิดก่อน รู้โลก ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ มามากมาย จะอยู่ในอำนาจหรือได้รับผิดชอบหน้าที่ใดก็ก็ตาม อยากให้เราทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์และที่สำคัญต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนคนรุ่นหลัง เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “อตฺตานญฺเจ ตถา กยิรา ยถญฺญมนุสาสติ ถ้าพร่ำสอนผู้อื่นฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น” ถ้าพวกเราท่านทั้งหลายทำได้เชื่อแน่ว่า ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ในประเทศจะได้รับการพัฒนาที่เรียกว่ายั่งยืนอย่างแน่นอน..สาธุ

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

สิ่งที่เราตามหา
    .....ความหมายของชีวิตนั้นมีมากมายหลายอย่าง ๆ ที่หลายคนเข้าใจ การแสวงหาถือว่าเป็นความหมายอย่างหนึ่งของชีวิต อะไรคือ ? สิ่งที่เราแสวงหา คนที่อยู่ในท่ามกลางของความมืด สิ่งที่แสวงหาคือแสงสว่าง คนที่ตกอยู่ในวังวนเหมือนคนหลงทาง สิ่งที่แสวงหาคือทางออก คนที่ตกอยู่ในห่วงแห่งความทุกข์ สิ่งที่แสวงหาคือความสุข คนที่ตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าความผิดหวัง สิ่งที่แสวงหาคือความสำเร็จ คนที่ตกอยู่ในท่ามกลางของความเกลียดชัง  สิ่งที่แสวงหาคือความรัก คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ความแตกแยกแบ่งสีแบ่งพวก สิ่งที่แสวงหาคือความความสามัคคี ฯลฯ
    .....ความมืดมิดแห่งดวงตาไม่น่ากลัวเหมือนความมืดมดแห่งดวงใจ สว่างตาด้วยแสงไฟสว่างด้วยแสงธรรม หลงทางก็แค่เสียเวลา แต่ถ้าหลงมัวเมาในกิเลสตัณหาต้องเสียเวลาข้ามภพข้ามชาติ ทุกปัญหามีทางออกบางครั้งบอกไม่ได้ต้องแสวงหาเอง  ความทุกข์มีไว้เพื่อเรียนรู้ ความสุขไม่ได้มีไว้เพื่อมัวเมา ทุกข์ก็รู้สุขก็เข้าใจอย่าให้มันมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากนัก สิ่งที่งดงามของความผิดหวังคือทำให้เรารู้ว่าไม่มีอะไรที่ได้ดังใจเราทุกอย่าง สิ่งที่พิเศษของความสำเร็จคือทำให้เรารู้ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ความเกลียดชังก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของความรัก ความแตกแยกก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของความสามัคคี
    .....วิธีการหรือหนทางในการแสวงหามีมากมายหลายวิธีการ บางอย่างถูกใจแต่ไม่ถูกต้อง บางสิ่งถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ บางทีมีทั้งถูกใจและถูกต้อง ประสบการณ์ชีวิตเป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราเลือกวิธีการได้อย่างถูกต้อง ถ้าไม่มีประสบการณ์หละ พระพุทธศาสนาก็มีทางให้เราเดิน ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วเห็นผลแล้ว รอให้เราได้พิสูจน์ด้วยตัวเราเองเท่านั้น ที่เรียกว่า มรรคมีองค์ ๘ เริ่มต้น จากความเห็นที่ถูกต้อง  ตามมาด้วยความดำริความคิดที่ถูกต้อง พ่วงมากับการพูดจาพาทีที่ถูกต้อง มองการกระทำทางกายหรือการงานที่ถูกต้อง รวบเอาอาชีพการทำมาหากินที่ถูกต้อง บวกกับความพยายามที่ถูกต้อง คูณด้วยความมีสติหรือความไม่ประมาทที่ถูกต้อง สุดท้ายต้องมีจิตที่ตั้งมั่น หนักแน่น สงบอย่างถูกต้อง ถ้าเดินตามทางนี้อย่างมั่นคงไม่หวั่นไหวคลอนแคลน ความถูกใจก็จะมีความถูกต้องก็มาหาอย่างแน่นอน
     .....ตราบใดที่โลกใหญ่ใบนี้ยังหมุน การแสวงหาก็ยังเป็นไป ชีวิตยังมีลมหายใจ สิ่งที่เราตามหาคงไม่ไกลเกิน เมื่อใดที่แสงดาวแห่งศรัทธา ที่มาพร้อมกับแสงเดือนแห่งความเพียรพยายาม  แสงรุ้งแห่งสติความระลึกรู้ยังเฉิดฉาย เปล่งประกายพร้อมกับแสงทองของสมาธิคือความหนักแน่นภายในใจ แสงสว่างที่ไม่มีแสงใดเทียบได้แห่งปัญญายังแกร่งกล้า จงเดินก้าวไปข้างหน้า ท้าทายกับทุกอุปสรรคปัญหา แบบว่ายิ้มได้ทุกสถานการณ์ ไม่หวาดหวั่นกับภัยพานที่มี รู้สึกดีกับทุกเรื่องราว เมื่อนั้นจงก้าวและจงก้าวต่อไป..สาธุ

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555



พึงชนะ.....
เขาจะโกรธหรือเกลียดเราก็ปล่อยเขา เราไม่โกรธไม่เกลียดเขาดีที่สุด ความโกรธเกลียดเป็นธรรมดาของอารมณ์ของมนุษย์ ถ้าเราหยุดไม่โกรธไม่เกลียดตอบคือยอดคน ถึงเขามีความชั่วในตัวเขา ตัวของเราจงมีดีอย่าสับสน ชั่วชนะดีมีที่ไหนในหมู่คน ความดีล้นชนะชั่วได้ไม่ยากเย็น เขาตระหนีเหนียวแน่นก็ชั่งเขา ตัวของเรารักการให้ไม่ทุกข์เข็ญ เพราะการให้ในการอยู่ร่วมกันสุดจำเป็น จะให้วัตถุ จะให้อภัย จะให้ธรรมะเท่าที่เห็นล้วนงดงามอร่ามตา  เขาจะพูดพล่อย ๆ ก็ปล่อยเขา ตัวของเราพูดคำจริงและเป็นสิ่งที่มีค่า คำโกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้อ หยาบคายไร้ราคา อย่าสรรหามากล่าวอ้างทางไม่ดี ....... จงรักษาใจอย่าให้ความโกรธครอบงำ จงอย่าถลำทำสิ่งที่เลวร้าย  จงขวนขวายในการเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ จงปรับวาจาพูดแต่คำที่จริงแท้และมีประโยชน์  ความสุขอยู่ไม่ไกลถ้าใจคุณสงบเย็น  ความสุขหาไม่ยากหากใจคุณรักดี ความสุขมีตลอดเวลาถ้าใจคุณพร้อมจะให้ ความสุขอยู่ใกล้ ๆ ขอแค่ให้พูดคำจริง       พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ, พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี. พึงชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้ปัน, พึงชนะคนพูดพล่อย ๆ ด้วยคำจริง. " พระพุทธองค์เป็นแต่เพียง ผู้ชี้ทาง ผู้แนะนำ ผู้บอกเท่านั้น ส่วนการประพฤติปฏิบัติเป็นเรื่องของเราแต่ละคน....สาธุ


ความจน.....เกิดจากเพราะไม่มีหรือเกิดจากเพราะไม่หา เมื่อความจนเกิดขึ้นแล้ว ย่อมนำมาซึ่งความลำบากอยากแค้นแสนสาหัส สามารถแก้ไขได้ ด้วยการรู้จักขยันหมั่นเพียรในการแสวงหา สู้อย่างอดทนอดกลั้น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา รู้จักเก็บเกี่ยว ประหยัดอดออม ถนอมทรัพย์ไว้ ใช้จ่ายอย่างพอเหมาะพอดี
ความเครียด....เกิดจากการไม่มีหรือมีไม่พอก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นแก่ใคร หรือครอบครัวไหน สังคมใดย่อมนำมาซึ่งความตึงเครียด ร้อนรนสับสนกระวนกระวาย ทำลายสุขภาพตัวเอง สร้างให้บรรยากาศในการอยู่ร่วมไม่สดใส  สามารถบรรเทาได้ ถ้ารู้จักเพียงพอและพอเพียง พอใจในสิ่งที่ตนมียินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่อยากได้จนเกินตัวไม่มัวเมาจนเกินเหตุ ไม่ใช่เป็นคนประเภทอยากได้อะไรแล้วต้องได้
การเป็นหนี้.....ชื่อว่าเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง ที่เกิดจากการบริหารจัดการอย่างผิดวัตถุประสงค์ สิ่งที่ควรมีไม่ใส่ใจ ทุ่มเทดิ้นลนในสิ่งที่อยากได้มากกว่า สามารถแก้ไขได้ ด้วยการบริหารจัดการให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ใส่ใจคุณค่าแท้มากกว่าคุณค่าเทียม เห็นประโยชน์และคุณค่าหมากกว่าราคาและความสวยหรู ดำรงชีวิตอยู่อย่ามีสติและปัญญา พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเกการกู้หนี้ยืมสินเป็นทุกข์ในโลก...สาธุ

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

.....กับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ กับสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่ยิ่ง กับคววามเป็นจริงที่ว่า คนก็ได้ล้มหายตายจากไปแล้ว สิ่งปลูกสร้างก็พังทะลายลงเหลือแต่ซาก คงเหลือไว้แค่ความทรงจำที่ดีก็มี บางทีก็เป็นความทรงจำที่เจ็บปวด ความสูญเสียหรือความรุ่งเรือง ความผุพังหรือว่าความสวยงามกลายเป็นเพียงร่องรอยของอดีตเท่านั้นเอง
.....แต่ก็แปลกเหมือนกันมีใครหลายคนไม่คำนึงถึงอดีตที่เป็นเหมือนครูชั้นดี มัวเมาทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ตนเป็นคนใหญ่ยิ่ง บางครั้งมืดมนจนลืมคิดไปว่าต้องเหยียบต้องย่ำ ต้องทำทำร้ายทำลายใครไปบ้างเพื่อที่จะไปให้ถึงซึ่งจุดนั้น บางครั้งต้องผ่านหยดเลือดและหยาดน้ำตา ตัดชีวิตชีวาของผู้บริสุทธิ์หล่นหายตายจากไปไม่รู้เท่าไหร่ สิ่งที่หวังและอยากได้คือ เงินทอง อำนาจ เท่านั้นเอง จนลืมมองว่าบุคคลที่ มีเงิน มีทอง มีอำนาจที่เรียกว่ายิ่งใหญ่กลับล่วงลับดับหายไปทุก ๆ วัน
.....แต่ก็น่ายินดีที่โลกใหญ่นี้ยังมีใครบางคนที่ยอมทิ้งทุกสิ่ง ทั้งความสุข เงินทอง อำนาจ ที่หลายคนพอใจ ปรารถนา ค้นหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้จะอยากลำบากทุกข์ทรมานแค่ไหนแทบจะหมดเรี่ยวแรง สิ้นลมหายใจ และสิ่งที่หวัง สิ่งที่ค้นพบกลับกลายเป็นความไม่มีอะไร หมดทุกสิ่ง สิ้นทุกอย่าง เ็็ป็นสัจธรรมความจริงที่ยิ่งใหญ่ และมักสวนทางหรือตรงกันข้ามกับความต้องการของใครอีกหลายคน
.....จากการรวมตัวของเซลล์เล็ก ๆ หลายล้านเซลล์ หลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์คือชีวิต จากเศษหิน ดิน ทราย ชิ้นเล็ก ๆ กลายเป็นตึกสูงตระหง่านตระการตาท้าแดดสู้ลมทนฝน จากจุดเริ่มต้นของความคิดเล็ก ๆ  กลายเป็นการค้นพบสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ อย่ามองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตที่เรียกว่าความดี จงทำให้บ่อย ๆ จงมีให้มาก ๆ เริ่มต้นจากใจและตัวของเรา แผ่ไปสู่ครอบครัวคนรอบข้่าง ขยายไปสู้สังคนและประเทสชาติ ถึงเราจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ บนโลกใบนี้แต่ว่าคุณงามความดีนี่แหละจะเป็นตัวช่วยให้โลกจดจำเรา ทำดีทุกวัน ทำดีให้มั่น ทำดีให้ได้ เพราะพวกเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อชีวิตที่ดีงามนั่นเอง ...สาธุ

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

.....ถ้าถามว่าใครคือคนที่คุณรักมากที่สุด หลายคนคงมีคำตอบต่างกันออกไป แต่เชื่อแน่ว่าคงมีหลายคนที่ตอบว่า พ่อและแม่คือคนที่เรารักมากที่สุด อย่าใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบทำให้คนที่คุณรักต้องเจ็บปวดเพราะคำพูดและการกระทำของคุณ อย่าหลงปลื้มคนที่คุณพึ่งรู้จักแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น จนบางครั้งบางทีลืมคนที่คุณรักที่สุดไปชั่วขณะ คำพูดดี ๆ ที่ทำให้คนที่คุณรักมีพลังชีวิตก็พูดบ้าง เช่น คำบอกรัก คำขอบคุณ คำขอโทษ หรือถา
มว่าเหนื่อยไหม เป็นต้น ถ้าคุณมีเวลาให้กับคนอื่นได้ ก็ควรที่จะมีเวลาให้กับคนที่คุณรักบ้างเหมือนกัน
......คุณอาจเผลอทำให้คนอื่นเจ็บปวด แต่อย่าเผลอทำให้คนที่คุณรักเจ็บปวด ดูแลคนที่คุณรักให้ดีที่สุด ทั้งทางกายอะไรที่คุณสารมารถช่วยเหลือได้อย่านิ่งดูดาย ทั้งทางวาจา คำพูดอะไรที่ทำให้บั่นทอนความรู้สึกก็อย่าเผลอให้มันหลุดออกมา ทั้งทางใจ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดดูแล ตัวเองให้ได้ทำให้ท่าน ไว้ใจ อุ่นใจดีใจ ไร้ความกังวล ระวังอย่าให้ความไม่เข้าใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำลายความรักที่ยิ่งใหญ่ อย่าให้ความรู้สึกบางครั้งว่าน่ารำคราญที่บาง ๆ ปิดกลั้นความรักที่จริงแท้ คนที่คุณรักอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุด อย่างที่ใจคุณปรารถนา แต่เชื่อเถอะว่าเขาเหล่านั้นรักคุณมากที่สุด
......ที่แล้วมาอาจจะมีบ้างที่น้อยใจ อาจจะมีบ้างที่ขึ้นเสียง อาจจะมีบ้างที่ด่าหรือดูถูก หรือเลยเถิดไปถึงการลงไม้ลงมือทำร้าย ก็ขอให้เป็นอดีตที่ผ่านไป บอกกับใจตัวเองว่าตั้งแต่นี้ไปจะไม่ทำให้ท่านเสียใจอีกเลย ทำหน้าที่ของตัวเอง ช่วยเหลือดูแลท่าน คงมีสักวันที่จะทำให้ท่านภูมิใจขอเป็นหนึ่งกำลังใจเล็ก ๆ ในการทำความดีด้วยกัน..สาธุ
.....พอเสียทีเหอะกับความคิดที่ทำร้ายตัวเอง พอเสียทีเหอะกับความหวั่นเกรงต่อปัญหา พอสักทีเหอะกับเรื่องซ้ำเดิม ๆ ที่ผ่านมา พอเสียทีเหอะหนาอย่าเสียเวลาอย่าเสียใจ พอเสียทีเหอะกับความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีอยู่ พอเสียทีเหอะกับความไม่รู้ไม่เข้าใจไม่ขยันไม่หมั่นหา พอเสียทีเหอะกับสิ่งไม่จริงคอยถ่วงคอยลวงตา พอเสียทีเหอะแล้วหันมาสู้ทนบนโลกแห่งความจริง
......อย่าหยุดได้ไหม รีบฉุดหัวใจที่เหนื่อยล้า อย่าหยุดได้ไหม

รีบเช็ดน้ำตาที่รินไหล อย่าหยุดได้ไหม รีบสร้างภูมิคุ้มกันใจ อย่าหยุดได้ไหม รีบเริ่มตนใหม่ก่อนที่จะสายเกินเยียว ยา อย่าหยุดได้ไหม แม้พลาดพลั้งมาหลายทีมีหลายหน อย่าหยุดได้ไหม อดทนสู้ อดทนสร้าง อดทนแสวงหา อย่าหยุดได้ไหม สรรสร้างทางชีวิตให้มีชีวา อย่าหยุดได้ไหม ถ้าเหนื่อยล้าพักสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน
.....อย่างน้อยลมหายใจยังมีอยู่ ลุกขึ้นสู้กล้าก้าวเดินเผชิญปัญหา อย่างน้อยยังเหลือแรงแสงทองแห่งศรัทธา ที่คอยมาส่องสว่างหนทางที่มืดมน อย่างน้อยยังมีคนที่คอยห่วง คอยติงท้วงคอยสอบถามยามสับสนอย่างน้อยเรายังเหลือความเป็นคน ทุกข์ไม่บ่นจนไม่แคร์ถึงจะแพ้บ้างก็ชั่งปะไร อย่างน้อยยังมีทางให้ก้าวต่อ อย่ารีรออย่าท้อแท้อย่าหวั่นไหว อย่างน้อยต้องสู้ก่อนอย่าพึ่งทอดถอนใจ ผลอย่างไรรับทุกอย่างได้ไม่เกรงกลัว
.....คงสักวันฝันเป็นจริงสิ่งที่หวังไว้ คงสักวันฟ้าสดใสทำให้ใจสดชื่น คงสักวันไม่ใช่เหมือนนอนหลับฝันแล้วตื่น คงสักวันยิ้มระรื่นพาชื่นใจในสักวัน คงสักวันคงได้เจอสิ่งใหม่ ๆ คงสักวันอีกไม่ไกลคงได้ความสุขที่สร้างสรรค์ คงสักวันไม่ใช่มีชีวิตอยู่ไปแค่วัน ๆ คงสักวัน ๆ นั้นมันเป็นวันของเราอย่างแท้จริง คงสักวันดินและฟ้ามาเห็นด้วย คงสักวันน้ำคอยช่วยไฟคอยเสริมลมคอยเติมเพิ่มทุกสิ่ง คงสักวัน ๆ แห่งโชควันแห่งชัยใกล้เป็นจริง คงมีสักวันถ้าไม่ทิ้งธรรมนำทางเดิน...สาธุ(แม้ว อิ่มบุญเพื่อชีวิตดีงาม)